น้ำฝักบัวไม่แรง ไหลเบา ทำให้หงุดหงิด เวลาที่เราเห็นน้ำจากฝักบัวไหลไม่แรง หรือ เบาผิดปกติ ตามบ้านทั่วๆ ไปที่มีปั๊มน้ำ ปั๊มแรงดัน อยู่แล้วมักจะตั้งคำถามแรกเลยว่า ปั๊มเป็นอะไรหว่า ทำไมน้ำไหลเบาจัง (จริงไหม?) ถ้าใครรู้สึกแบบนั้น และตั้งคำถามแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะมันคือความเคยชิน (ผมเองก็เป็น) จากนั้นก็จะค่อยๆ คิดทบทวน ไล่เช็คก๊อกน้ำอ่างล้างหน้า หรือก๊อกอื่นๆ ว่ายังไหล(แรง) เหมือนปกติหรือไม่ แล้วค่อยๆ ค้นหาสาเหตุ และคำตอบ ในคำถามที่ตั้งไว้ว่า ฝักบัวของเรา ใช้ซีลยาง ประเก็นยาง ที่มีตะแกรงกรองรึเปล่าหว่า?
บ้านนี้เป็นบ้านสวน น้ำที่เห็นในภาพ น้ำที่ไหลจากฝักบัวนี้ เป็นน้ำจากแท็งค์สูงไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก ไม่ได้ใช้ปั๊มน้ำ ปั๊มแรงดันใดๆ เหมือนกับบ้านในเมืองทั่วๆ ไป (น้ำที่ไหลจากฝักบัวก็เลยเบาเป็นปกติ เมื่อเทียบกับน้ำฝักบัวที่ผ่านปั๊มแรงดันมาก่อน) แต่น้ำที่ไหลเบาตามปกติ เบายังไงก็ยังแรงกว่านี้ แสดงว่าตอนนี้มันไม่ปกติแล้ว และการที่น้ำฝักบัวไหลไม่แรงมีสองอย่าง (สำหรับบ้านสวนหลังนี้) อย่างแรกก็คือ ระดับน้ำในแท็งค์น้ำอยู่ต่ำ (หรือว่าเหลือน้ำน้อย) ทำให้แรงดันน้ำตกลง กับสองคือ ตัน ที่ไหนสักแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นบ้านสวน หรือบ้านในเมือง และมีปั๊มน้ำ ปั๊มแรงดันด้วยหรือไม่ ผลก็จะไม่ต่างกันมาก หากพบว่าน้ำไหลเบาจากสาเหตุตัน ที่ไหนสักแห่ง เพราะน้ำฝักบัวจะไหลไม่แรง หรือไหลเบาจนผิดสังเกต ทีนี้ก็ต้องค้นหาคำตอบว่าจุดที่ตันอยู่ตรงไหนกันแน่ เริ่มจากหัวฝักบัวก่อน ถ้ารูน้ำที่หัวฝักบัวตัน น้ำจะไหลเบา แต่เป็นอาการเบาแบบ สายน้ำเป๋ไป เป๋มา ออกไม่เต็มรู หรือออกไม่ครบทุกรู ถัดมาต้องถอดหัวฝักบัวออกก่อน จากนั้นก็เปิดก๊อกน้ำ ถ้าน้ำไหลออกมาเต็มท่อ เต็มสายยาง ก็แสดงว่าหัวฝักบัวตัน แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น แต่น้ำกลับไหลเบาอยู่ ก็ต้องไปยังขั้นตอนถัดไป
ถอดสายฝักบัวออกจากตัวก๊อกน้ำ (ต้นสาย) แล้วดูอีกที่ว่ามีอะไรผิดปกติ เวลาที่เราซื้อสายฝักบัวมา จะได้ซีลยาง ประเก็นยางกันรั่ว กันซึมมาด้วย ซึ่งแต่ละยี่ห้อให้มาไม่ค่อยเหมือนกัน บางยี่ห้อ ให้ซีลยาง ประเก็นยางที่มีตะแกรงกรอง บางยี่ห้อให้เป็นสีขาวๆ ซิลิโคนมา บางยี่ห้อก็ให้ประเก็นยางที่มีรูเล็กๆ มา เราก็ต้องเลือก และพิจารณาด้วยตัวเองว่า จะใช้ หรือไม่ใช้ซีลยาง ประเก็นยางที่เค้าแถมมาให้พร้อมกับสายฝักบัว หรือตัวฝักบัวไหม หรือจะเปลี่ยนไปใช้ของที่เรามีอยู่แทน
ถ้าพบว่าสายฝักบัวของเรา ตรงประเก็นยางมีตะแกรงกรองสแตนเลสอยู่ด้วย ก็จะมองเห็นทันทีว่า มีเศษผงติดค้างอยู่บนตะแกรงหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน โดยส่วนมากแล้ว เค้าให้ประเก็นยางแบบไหนมา ก็จะใช้แบบนั้นไม่ค่อยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น (ถ้ามีแถมมากับสายฝักบัวนะ แถมมาก็ต้องใช้สิเนอะ) แต่ใส่เอาไว้แล้วลืมว่าเคยใส่ประเก็นแบบนี้เอาไว้มากกว่า แล้วไปโทษว่าปั๊มเสีย ทำให้แรงดันน้ำเบา หรืออื่นๆ (เช่น มีคนอาบน้ำพร้อมๆ กันสองห้อง สามห้อง จนแรงดันน้ำตก)
เศษฝุ่นผงที่จะตกค้างบนตะแกรง จนทำให้เรารู้สึกผิดสังเกตว่าน้ำไหลเบาได้นี่ ต้องติดค้างบนตะแกรงเยอะจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ตกค้างเกือบๆ ครึ่งล่ะน่า ยิ่งบ้านไหนใช้ปั๊มแรงดันด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ แรงดันน้ำเยอะๆ ดันน้ำผ่านฉลุยเลย พื้นผิวของประเก็นยางที่มีตะแกรงกรอง และน้ำยังไหลออกไปได้เหลือน้อยๆ แรงดันน้ำก็เอาชนะได้ น้ำที่ไหลออกมาก็เลยตกลงไม่มากเท่าไหร่ ไม่ค่อยผิดสังเกต
เมื่อพบสาเหตุแล้วก็จัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย ก่อนจะประกอบ ใส่กลับเข้าที่เดิม แต่ถ้าจะเอาประเก็นยางแบบนี้ออกเลย แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดไม่มีตะแกรงกรอง ไม่แนะนำให้ทำ เพราะเศษฝุ่นผงจะไปติดที่รูน้ำที่หัวฝักบัว แล้วจะล้างทำความสะอาดยากไปใหญ่ ต้องไปหาเข็ม หาลวดมาทิ่มแทงรูน้ำอีก เพราะวัสดุบางอย่างที่ไปติดหัวฝักบัว ก็ล้างด้วยน้ำส้มสายชูไม่ได้นะ ไม่ใช่คราบหินปูน ไม่ใช่ตะกรัน ก็ต้องเอาลวดแหย่รูเอามันออกมา เสียเวลาไปอีกมากโข